พาไปพบกับเมนูขายเช้าก็รุ่ง หรือจะขายตอนเย็นก็ตอบโจทย์ อย่างโจ๊กแต้จิ๋ว ธุรกิจที่เต็มไปด้วยเคล็ดลับความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น แฟรนไชส์สตรีทฟู้ดที่อยู่คู่คนไทยมานานเกือบ 30 ปี และยังส่งต่อเป็นอาชีพมั่นคงให้กับผู้คนมามากมาย
คุณวัลย์ ธัญวัลย์ เดชทวีเหมโรจน์ เจ้าของธุรกิจ โจ๊กแต้จิ๋ว เล่าว่า ปัจจุบันโจ๊กแต้จิ๋วดำเนินธุรกิจมากว่า 28 ปีขยายแฟรนไชส์ไปทั้งสิ้น 200 สาขา และมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง จุดเริ่มต้นธุรกิจนี้เกิดจากการนำสูตรโจ๊กของคุณย่า ซึ่งโด่งดังมากในย่านลาดหญ้า คลองสาน กรุงเทพฯ บวกกับขณะนั้นคุณพ่อเปิดร้านข้าวต้ม แล้วมีลูกค้ามาขอซื้อสูตรอยู่ตลอดเวลา แต่ทางครอบครัวไม่ได้ขาย เนื่องจากคนยุคก่อนจะหวงแหนสูตรกันมาก ด้วยการมองเห็นถึงโอกาสมากมาย จึงนำสูตรลับความอร่อยมาพัฒนาต่อยอดเป็นแฟรนไชส์สร้างอาชีพ พร้อมช่วยส่งเสริมสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตรของไทยมาใช้เป็นหลัก อาทิ ข้าวหอมมะลิ หมู และวัตถุดิบอื่น ๆ
จุดเด่นของโจ๊กแต้จิ๋วคือเรื่องรสชาติความอร่อยจากการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้าวหอมมะลิอบสำเร็จรูปที่ไม่ใช้ปลายข้าวแบบร้านอื่น ๆ เมื่อนำไปหุงในกรรมวิธีเฉพาะของทางร้านเพียง 10 นาที ก็จะทำให้โจ๊กมีความหอมอร่อย นอกจากนี้ยังมีการคัดเนื้อหมูจากฟาร์มมาตรฐานที่จังหวัดนครปฐม การนำไข่ไก่มาทำไข่เยี่ยวม้า เพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลและความฉุน ทั้งยังแกะเปลือกไข่ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้แฟรนไชส์ซีสามารถควบคุมคุณภาพมาตรฐานได้ง่ายและทำกำไรได้สูง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิ่มอุ่น อร่อยแน่ โจ๊กแต้จิ๋ว”
สำหรับเมนูในร้านมีราคาขายปลีกเริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาท แต่ละเมนูจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 60% โดยสิ่งที่ต้องสั่งกับทางแบรนด์เท่านั้น ได้แก่ ข้าวอบสำเร็จรูป หมู และน้ำซุปแบบเข้มข้น ที่สำคัญยังใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบและตั้งร้านเพียง 2-3 ชั่วโมง เท่านั้น เนื่องจากวัตถุดิบหลักจะเป็นกึ่งสำเร็จรูป ลูกค้าจึงนำไปทำได้ง่าย อย่างข้าวโจ๊กอบสำเร็จรูปบรรจุ 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 275 บาท โจ๊ก 1 หม้อ เมื่อใส่ข้าวเพียงครึ่งถุงก็จะสามารถขายได้ไม่ต่ำกว่า 35 ถ้วย โดยมีเมนูขายดีคือ โจ๊กหมูไข่ออนเซ็น และเมนูอื่น ๆ อย่างโจ๊กไข่เค็ม โจ๊กไข่เยี่ยวม้า และโจ๊ก 3 ไข่ รวมถึงท็อปปิ้งที่มีให้เลือกมากมาย อาทิ หมูเด้ง ไส้กรอกสมุนไพร เห็ดหอมปรุงรส ตับทรงเครื่อง ปาท่องโก๋จิ๋วกรอบ ฯลฯ นอกจากนี้โจ๊กแต้จิ๋วยังได้รับรางวัลแฟรนไชส์มาตรฐานจากจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และมาตรฐานเชลล์ชวนชิม
การลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์โจ๊กแต้จิ๋ว จะเป็นชุดมาตรฐานมี 2 รูปแบบ ราคาเดียวกันคือ 50,000 บาท โดยจะเป็นลักษณะเคาน์เตอร์แบบคลาสสิกเหมาะกับพื้นที่ใช้สอยขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถถอดประกอบ เพื่อนำปรับใช้ในการขายนอกสถานที่ และแบบรถเข็นสแตนเลสมีหลังคา เหมาะกับเปิดในทำเลที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ในชุดมาตรฐานทั้ง 2 รูปแบบ ทางลูกค้าจะได้รับสูตรโจ๊กและอุปกรณ์พร้อมขาย ส่วนวัตถุดิบต่าง ๆ แฟรนไชส์ซีจะต้องซื้อเพิ่มเพียง 3,000-10,000 บาท ก็สามารถเปิดร้านได้ทันที พร้อมกันนี้ ทางแบรนด์ยังมีบริการเข้าไปเทรนนิ่งด้านต่าง ๆ ถึงที่ร้าน รวมถึงบริการช่วยจัดหาทำเลให้ ซึ่งโดยเฉลี่ยจะใช้ระยะเวลาคืนทุน 1-2 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าทำเลดีก็สามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น
สิ่งที่ทำให้โจ๊กแต้จิ๋วประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ มองว่ามาจากความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับแฟรนไชส์ซี ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาโซลูชั่นออกมามากมาย เพื่อให้แฟรนไชส์ซีสามารถเติบโตไปด้วยกันได้จริง และยังไม่เก็บค่าต่อสัญญารายเดือนและรายปี แต่แบรนด์จะเข้าไปประเมินอย่างละเอียดก่อนการต่อสัญญาทุก ๆ 3 ปี เราภูมิใจมากที่เราได้ส่งต่ออาชีพให้กับผู้คนมากมาย เพราะธุรกิจนี้ก็ทำให้เรามีกินมีใช้ และส่งลูกเรียนทั้งสามคนเรียนจนจบปริญญา
สำหรับใครที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจ หากไม่ต้องการเสียเวลาไปลองผิดลองถูก แนะนำให้เริ่มต้นด้วยธุรกิจแฟรนไชส์กับแบรนด์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากเจ้าของธุรกิจได้นำเคล็ดลับ เทคนิค และประสบการณ์มาถ่ายทอดเป็น How-to ให้ผู้ลงทุนสามารถประสบความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น เปรียบเสมือนการเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองก็คล้ายกับการก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น แต่หากลงทุนกับแฟรนไชส์มาตรฐานก็จะเป็นการขึ้นลิฟต์ที่ช่วยลดระยะเวลาด้านต่าง ๆ ได้มากมาย
ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคาร ออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์ “โจ๊กแต้จิ๋ว” ได้ โดยสามารถติดต่อขอ “สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ” เพื่อประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนขอสินเชื่อ วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้