ข่าเหลืองเป็นพืชที่ชอบดินโปร่ง ร่วนซุย ขึ้นได้ดีในพื้นที่ดอน ไม่ชอบน้ำท่วมขัง การเพาะปลูกข่าเหลืองนั้นทำได้ตลอดทั้งปี เหมาะปลูกในฤดูฝน หากปลูกช่วงฤดูร้อนเกษตรกรต้องรดน้ำ
ต้นข่าเหลือง จัดเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีการปลูกกันมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เนื่องจากความนิยมในการนำไปประกอบเป็นเครื่องแกง จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีเกษตรกรปลูกข่าเหลืองเลี้ยงชีพกันอย่างแพร่หลาย โดยในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ต้นข่าเหลืองมีราคาค่อนข้างสูงมาโดยตลอด
ทำให้เกษตรหันมาปลูกกันจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ลักษณะของข่าเหลืองจะมีกลิ่นและรสชาติแรงและหอมมากกว่าข่าชนิดอื่น สังเกตที่เนื้อจะเป็นสีเหลือง นับว่าเป็นพืชที่เหมาะกับเกษตรกรที่ชอบปลูกพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก เหมือนจำพวกตะไคร้หรือขจร เป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำราคาดีมาอย่างต่อเนื่อง
วิธีเตรียมเพาะปลูก
1. การเตรียมกล้าพันธุ์ ซึ่งจะต้องใช้หัวหรือแง่งแก่จัด ที่ซื้อมาจากตลาดใน สภาพที่ยังสด มีตาตามข้อเห็นได้ชัด ไม่จำเป็นต้องมีราก ตัดแต่งรอยช้ำ หรือเน่าที่หัวออกให้หมด
2. นำไปแช่ลง "น้ำยากันรา" จากนั้นนำขึ้นมาผึงลมในร่มให้แห้งแล้วทาแผลด้วยปูนแดง ที่เอาไว้กินกับหมาก
3. นำหัวพันธุ์มาห่มความชื้น โดยการห่อด้วยผ้าชื้นน้ำหนาๆ นำไปเก็บไว้ในร่ม หรือห่มกระบะโดยมีฟางรองพื้นหนาๆ วางท่อนพันธุ์แล้วกลบด้วยฟางหนาๆ อีกชั้น รดน้ำให้ชุ่มเก็บในที่ร่ม หรือ จะนำลงเพาะชำในขี้เถ้าแกลบก็ได้ โดยใช้เวลาการห่มความชื้น 10-20 วัน รอให้รากงอกและแทงยอดใหม่ออกมา จึงนำไปปลูกต่อไป
วิธีการปลูก
1. เตรียมพื้นที่ปลูกประมาณ 1 ไร่ พอสังเขป ซึ่งสามารถนำต้นกล้า ลงได้ถึง 4,500-5,000 กอ
2. ปลูกเป็นแถวระยะ 80×80 เซนติเมตร ก่อนลงหลุมปลูก ควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 พร้อมด้วยปูนขาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
3. คอยกำจัดวัชพืชที่ขึ้นรอบหลุมปลูกเป็นประจำและให้ปุ๋ยสูตรเดิม หรือ 46-0-0 เดือนละประมาณ 2 ครั้ง จนกระทั่งข่าเหลืองอายุได้ 7 เดือน
4. ขุดนำมาจำหน่ายได้ แต่ช่วง 15 วัน-1 เดือน ก่อนที่จะขุดข่าเหลืองส่งตลาด ต้องใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้หน่อมีความสมบูรณ์ อวบใหญ่และมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งการขุดขึ้นมาแต่ละครั้ง ไม่ควรขึ้นขึ้นมาหมดทั้งกอ ให้เหลือไว้ 3-4 แง่ง เพื่อเป็นต้นพันธุ์ ซึ่งทำให้การปลูกข่าเพียงครั้งเดียว ก็สามารถอยู่ได้เป็นสิบปี
5. หลังจากที่ขุดเอาหัวแง่งไปแล้ว ควรมีการปรับปรุงบำรุงดินทุกครั้ง เพื่อความสมบูรณ์และเป็นการเพิ่มธาตุอาหารในดิน
ต้นทุนในการปลูกข่าเหลืองนั้น พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ต้นพันธุ์เป็นเงิน 15,000-20,000 บาท ใช้เหง้าพันธุ์ประมาณ 1,500-2,000 กก. ต่อไร่ หรือเท่ากับเหง้าพันธุ์ 1 กก. ต่อ 3 หลุม จากนั้นนำเหง้าพันธุ์มาชุบด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราก่อนปลูกการปลูกให้ฝังเหง้าพันธุ์ลึก 5-7 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ถ้าใช้ต้นพันธุ์ที่เพาะกล้าไว้ในถุงพลาสติก ขนาด 8×10 นิ้ว ก็จะใช้ 1 ถุงต่อ 1 หลุมใน 1 ไร่ ใช้ต้นกล้า 6,400 ถุง
ในเรื่องของโรคนั้น ต้องระวังหนอนเน่าในช่วงฤดูฝน ควรมีวิธีในการระบายน้ำไม่ให้น้ำขังบริเวณโคนของกอ
ท้ายสุดเพียงใช้เวลาแค่ครึ่งปี ก็สามารถขุดข่าเหลืองไปจำหน่ายได้แล้ว ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว