กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ พันธมิตร ภาครัฐ และเอกชน กว่า 25 หน่วยงานเดินหน้าโครงการ “สมาร์ทโชห่วย พลัส” ส่งเสริมผู้ประกอบการโชห่วยไทยให้แข่งขันได้ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง นำเทคโนโลยีมาใช้ และมีช่องทางออนไลน์บริการลูกค้า ตั้งเป้าปีนี้ อบรม 3,000 ราย
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนดำเนินโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีกไทยทุกขนาด พร้อมเร่งพัฒนาร้านโชห่วยให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการรายย่อย และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งภาคธุรกิจ
โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลกกำลังประสบปัญหาความผันผวนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่งผลให้ระบบการค้าการลงทุนต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธุรกิจเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้น การสร้างฐานความมั่นคงและความแข็งแกร่งให้ธุรกิจจึงมีความจำเป็น รวมทั้ง การใช้ดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนการบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรส่งเสริมพัฒนาธุรกิจทุกขนาดให้มีศักยภาพและพร้อมรับความท้าทายที่เกิดขึ้น
ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และภาคเอกชน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่าย (Suppliers) ผู้ให้บริการเทคโนโลยี/ระบบ POS แพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการเสริม สถาบันการเงิน และ เครือข่ายธุรกิจ Moc Biz Club รวมกว่า 25 หน่วยงาน ได้รวมพลังส่งเสริมผู้ประกอบการโชห่วยไทยให้แข่งขันได้ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เติบโต และอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคง โดยร่วมกันวางกรอบการพัฒนาโชห่วยไทยทั้งระบบ พร้อมผลักดันโชห่วยไทยยืนหนึ่งบนเวทีค้าส่ง-ปลีกเคียงข้างผู้บริโภค เป้าหมายแรก คือ การผลักดันร้านค้าส่ง-ค้าปลีก ให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ผ่านโครงการ ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’
“โครงการ ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’ เป็นกิจกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการโชห่วยที่ครอบคลุมหลายมิติเพื่อผลักดันให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่มีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ การมีภาพลักษณ์ร้านค้าที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า และ มีช่องทางออนไลน์สำหรับให้บริการลูกค้า ทั้งนี้ การพัฒนาสมาร์ทโชห่วยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และร้านค้าสมาร์ทโชห่วยนี้จะเป็นแหล่งรับซื้อสินค้าของคนในชุมชน อันจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ”
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา กรมฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ขับเคลื่อนโครงการ ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’ กับ สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และหน่วยงานพันธมิตร เพื่อเริ่มต้นโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส โดยกำหนดแผนงานในการสนับสนุนโชห่วยคือ ปี 2565 กำหนดเสริมสร้างองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการโชวห่วยทั่วประเทศ 3,000 ราย และสร้างสมาร์ทโชห่วย 300 ราย และ ปี 2566 กำหนดแผนพัฒนาโชห่วยไทย มีเป้าหมายเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการโชห่วยทั่วประเทศ 3,000 ราย และสร้างสมาร์ทโชห่วย 400 ราย เป็นการเสริมแกร่งธุรกิจโชห่วยให้อยู่คู่คนไทย
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) ครอบคลุมการดำเนินกิจกรรมหลัก 2 ส่วน คือ 1. การเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ และ 2. การนำองค์ความรู้มาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างสมาร์ทโชห่วย โดยดึงคุณสมบัติข้างต้นมาเป็นจุดเด่น เพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งนี้ การพัฒนาสมาร์ทโชห่วยต้องดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อาศัยกลไกการทำงานร่วมกันทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ซึ่งจะมีร้านค้าส่งท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาจากกรมฯ ภายใต้การดูแลของสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ทำหน้าที่ ‘พี่เลี้ยงโชห่วย’ คอยให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยพัฒนาร้านค้าโชห่วยเครือข่ายให้เติบโตไปด้วยกัน รวมทั้ง มีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ช่วยติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด