ใครกำลังมองหาอาชีพเสริมรายได้ดี ทำได้ที่บ้านและไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากมาย ขอแนะนำให้รู้จักกับ “ฟาร์มเห็ดเป็นยา” ธุรกิจทำเงินที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ พร้อมส่งมอบประโยชน์ให้สังคม
คุณปรี ปรีชากุล กฤตย์โชติกลาง เจ้าของฟาร์มเห็ดเป็นยา เล่าว่า ตนเองทำธุรกิจนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบันฟาร์มแห่งนี้ เป็นฟาร์มเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นในขณะตนเองทำงานเป็นพนักงานโรงงานผลิตอาหารสัตว์และต้องการหาอาชีพเสริม จึงเริ่มต้นเพาะปลูกจากเห็ดที่ใช้ปรุงอาหาร เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม ฯลฯ แต่ด้วยขณะนั้นตนป่วยเป็นกรดไหลย้อนขั้นรุนแรง จึงหันมาศึกษาการรักษาโดยใช้ธรรมชาติบำบัด และได้มาเจอกับการเพาะปลูกกลุ่มเห็ดเป็นยาเพื่อนำมาใช้บำบัดอาการป่วยของตนเองอย่างเห็ดถั่งเช่า เมื่อรับประทานแล้วอาการดีขึ้น จึงเริ่มต้นศึกษาและนำเงินจำนวน 300,000 บาท มาลงทุนเพาะปลูกเห็ดถั่งเช่าสีทองอย่างจริงจัง ต่อมาเห็นว่าธุรกิจสามารถไปต่อได้ จึงเปลี่ยนจากการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมมาเป็น Smart Farm หรือโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง ความชื้น และคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมต่อยอดเพาะเห็ดสายพันธุ์อื่น ๆ
ความยากในการเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง คือเนื่องจากเมื่อ 10 ปีก่อนเห็ดถั่งเช่าเป็นสิ่งใหม่ในบ้านเรา จึงต้องใช้เวลาศึกษาและลองผิดลองถูกอยู่นาน โดยเริ่มจากการเพาะปลูกในตู้แช่ แล้วค่อยขยับขยายเป็นห้องเล็ก ๆ และความยากอีกอย่างคือเรื่องการควบคุมต้นทุนค่าไฟที่สูงถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน รวมถึงการควบคุมเชื้อโรคปนเปื้อนในเห็ดที่แม้จะสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน แต่เห็ดก็ยังสูญเสียไม่เติบโตถึง 10% ถึงแม้การเพาะเห็ดถั่งเช่าจะมีความเปราะบางมากมายแต่ด้วยรายได้ที่สูง จึงทำให้มีผู้เพาะเลี้ยงเพื่อขายส่งจำนวนมาก กระทั่งช่วงโควิดที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็มีผู้เพาะปลูกหลายรายที่ล้มหายไป เนื่องจากเป็นธุรกิจอาหารเสริมที่ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก
เห็ดถั่งเช่ามีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยช่วงแรกจะเป็นสายพันธุ์ถั่งเช่าทิเบตซึ่งเกิดตามธรรมชาติ แต่เห็ดถั่งเช่าสีทอง จะเพาะเลี้ยงได้ง่ายกว่า และขายได้ราคาสูงถึง 10,000-15,000 บาทต่อกิโลกรัม และเนื่องจากห้องเพาะเลี้ยงของเราสามารถบรรจุเห็ดถั่งเช่าได้มากถึง 30,000 ขวด ทำให้ใน 1 รอบการเก็บเกี่ยวสามารถเก็บผลผลิตได้สูงกว่า 40-50 กิโลกรัม เมื่อหักต้นทุนแล้วจะได้กำไรจากการขายเห็ดถั่งเช่าอบแห้งอยู่ที่เฉลี่ย 40-50%
โมเดลธุรกิจของเราแบ่งการสร้างรายได้ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. การอบแห้งขายส่งโรงงานอาหารเสริม 2. รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นถั่งเช่าสกัดรูปแบบเม็ด กาแฟที่มีส่วนผสมของถั่งเช่า 3. การฝึกอบรมให้ผู้สนใจเพาะเห็ดถั่งเช่าเป็นอาชีพเสริมหรือเพาะรับประทานในครัวเรือน โดยคิดค่าอบรม 1 วัน ราคา 2,500 บาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้จบหลักสูตรแล้วกว่า 2,000-3,000 คน และล่าสุด 4. ศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มเห็ดเป็นยา ซึ่งเกิดจากระหว่างทำการเพาะเห็ดมีผู้ป่วยมะเร็งเข้ามาขอรับคำปรึกษาจำนวนมาก จึงก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาสรรพคุณของเห็ดแต่ละชนิดที่มีความแตกต่างกัน เช่น เห็ดกระถินพิมานที่มีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็งในตับ เห็ดยามาบูชิตาเกะมีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร เห็ดถั่งเช่าและเห็ดนมเสือช่วยเสริมสร้างระบบทางเดินหายใจ ฯลฯ โดยวางแผนจะพัฒนาเป็นวิถีเกษตรรูปแบบผสมผสาน พร้อมมีคาเฟ่คอยให้บริการลูกค้า
ใครที่อยากทำฟาร์มเห็ดให้ประสบความสำเร็จ แนะนำให้เริ่มจากการมีใจรัก เนื่องจากเห็ดเป็นพืชที่ต้องการความเอาใจใส่ โดยเฉพาะเห็ดถั่งเช่าสีทองที่มีความอ่อนไหวต่อจุลินทรีย์ในอากาศ จึงต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้สารสกัดที่นำไปใช้ทางยาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเราได้ใบรับรองคุณภาพหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP รวมถึงการรับรองแหล่งผลิตพืชอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร หรือ ORGANIC THAILAND ทำให้มั่นใจได้ทั้งในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย
https://bit.ly/3fvJlVT
เพราะธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ ส่วนสำคัญมากในทุกก้าวของการเติบโต คือการมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดี ซึ่ง “ศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มเห็ดเป็นยา” มีธนาคารออมสินคอยเป็นที่ปรึกษา จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ GSB Step & Boost up ทำให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้ครบทุกมิติ เช่นการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบแพ็กเกจจิ้ง จึงก้าวต่อได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ที่สำคัญยังมี “สินเชื่อธุรกิจและ SMEs” เป็นแหล่งเงินทุนให้ธุรกิจเติบโตและเดินหน้าต่อไปได้
“สินเชื่อธุรกิจและ SMEs” ให้วงเงินกู้ได้รายละเกินกว่า 1,000,000 บาทขึ้นไป ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3fvJlVT
สนใจธุรกิจฟาร์มเห็ดเป็นยา ติดต่อคุณปรี ปรีชากุล กฤตย์โชติกลาง ติดต่อ 092 896 5554 คลอง 13 จังหวัดปทุมธานี