แบงก์ชาติ ตอบ 3 คำถาม สแกนใบหน้า ก่อนทำธุรกรรมการเงินผ่าน Mobile Banking
1.ใครต้องทำบ้าง?
- ผู้ใช้บริการที่ทำธุรกรรมผ่านแอป Mobile Banking ตามเงื่อนไขดังนี้
1)โอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทต่อครั้งขึ้นไป หรือโอนเงินรวมตั้งแต่ 200,000 บาทต่อวันขึ้นไป
2)ปรับเพิ่มวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
ทั้งนี้ หากในอนาคตมีความจำเป็นต้องโอนเงินจำนวนมากตามเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ต้องไปจัดเก็บข้อมูลใบหน้าเพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อน
2.จะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีข้อมูลใบหน้าที่ธนาคารแล้วหรือยัง?
ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองผ่านแอป Mobile Banking ของธนาคารที่ใช้บริการ สำหรับธนาคารที่สามารถเช็คผ่านแอปได้แล้ว มีดังนี้ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารเกียรตินาคิน
ส่วนธนาคารที่อยู่ระหว่างดำเนินการผ่านแอป คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 66)
หากผู้ใช้บริการยังไม่มีข้อมูลใบหน้าในระบบ สามารถไปอัปเดตได้ที่สาขาธนาคาร หรือสอบถามคอลเซ็นเตอร์ของแต่ละธนาคาร ทั้งนี้ บางธนาคารมีการแจ้งเตือนลูกค้าที่ยังไม่มีข้อมูลใบหน้า ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Mobile Banking และอีเมล เป็นต้น
3.เริ่มใช้เมื่อไหร่? และถ้าอัปเดตข้อมูลไม่ทันจะมีผลกระทบอย่างไร?
ธนาคารส่วนใหญ่จะเริ่มใช้เงื่อนไขการสแกนใบหน้าตั้งแต่ 1 ก.ค. 66 เป็นต้นไป ไม่มีผลกระทบถ้าไม่ได้ทำธุรกรรมผ่านแอป mobile banking เกินกว่าเงื่อนไขตามข้อ 1
แต่หากเข้าข่ายต้องทำธุรกรรมดังกล่าว ยังสามารถทำได้ผ่านช่องทางอื่นของธนาคาร เช่น Internet Banking สาขา หรือตู้ ATM