โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ชี้ช่องรวย แนะอาชีพ อยากเปิด “ร้านชานมไข่มุก” ลงทุนเท่าไหร่ ใช้อะไรบ้าง

ร้านชานมไข่มุกดูจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่ามีแฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนอยู่มากมายหลายแบรนด์ แต่ถ้าถามว่าการจะเปิดร้านเองจะทำได้หรือไม่ ใช้เงินลงทุนประมาณเท่าไหร่ และมีเทคนิคอย่างไรบ้าง วันนี้ ชี้ช่องรวยได้รวบรวมเอาข้อมูลสำหรับใครที่คิดจะเปิดร้านชานมไข่มุกแบรนด์ตัวเองมาให้ได้ศึกษากัน มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ในช่วงเริ่มต้นหากเปิดร้านเองขอแนะนำว่าควรจะศึกษาสูตรการชงให้ดีเสียก่อน ซึ่งสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ต หรือจะเรียนสูตรกับการชงกับที่เปิดสอนก็มีให้เลือกอยู่มากมายโดยค่าเรียนก็ไม่แพงมากนักอยู่ที่ประมาณหลักพันบาท ในส่วนของงบลงทุนร้านขนาดเล็ก – ขนากลาง อยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท ขึ้อยู่กับการออกแบบตกแต่งร้านด้วย โดยสามารถจำแนกออกมาได้ ดังนี้

ค่าตกแต่งร้าน ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท

  • เคาน์เตอร์สแตนเลสหรือเคาร์เตอร์คีออสสำเร็จรูป
  • ป้ายเมนู สติ๊กเกอร์

ค่าอุปกรณ์ ประมาณ 25,000 – 30,000 บาท

  • อุปกรณ์ชงชา เช่น แก้วตวง ช้อนตวง เครื่องปั่น
  • เครื่องซีลฝา
  • ฟิล์มปิดฝาแก้ว
  • ถังชา
  • ถังใส่น้ำแข็ง
  • หม้อต้ม
  • ช้อนตั้งน้ำแข็ง
  • ขวดบีบพลาสติก
  • แก้วพลาสติก
  • หลอด
  • ถุงหูหิ้ว
  • และอื่นๆ

ค่าวัตถุดิบเริ่มแรก ประมาณ 5,000 บาท

  • วัตถุดิบ เช่น ใบชา น้ำเชื่อม ครีมเทียม ไข่มุก ท้อปปิ้งต่างๆ ผงชงเครื่องดื่ม เป็นต้น

หมายเหตุ : ราคาจะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับวัตถุดิบอุปกรณืที่เลือกใช้โดยรวมแล้วจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 50,000 บาท

ในส่วนของการกำหนดราคาขายผู้ลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่าชานมไข่มุกนั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่ม Mass ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายราคาสบายกระเป๋า ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 19 - 40 บาท
  2. กลุ่ม Medium ลูกค้าที่พอจะมีกำลังซื้อ สามารถเลือกเมนูที่มีความหลากหลายแต่งต่างออกไป ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 40 - 70 บาท
  3. กลุ่ม Premium ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ลูกค้ามองหาความพรีเมี่ยมเน้นคุณภาพ ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 70 - 200 บาท

ดังนั้นการตั้งราคาจะต้องดูว่าเราจะเน้นขายผู้บริโภคกลุ่มไหน รวมไปถึงวัตถุดิบและรสชาติของเราไม่ถึงลูกค้าในแต่ละกลุ่มด้วยหรือไม่

วิธีคิดต้นทุนชานมไข่มุกต่อแก้ว

ต้นทุนต่อแก้ว = ราคาซื้อ X (ปริมาณที่ใช้จริงต่อแก้ว / ปริมาณน้ำหนักต่อถุง ) คิดแยกวัตถุดิบออกมาทีละชนิดแล้วค่อยมาบวกรวมกัน

ตัวอย่าง เมนูชานมไข่มุกไต้หวัน ขนาด 16 oz. 1 แก้ว ประกอบด้วย

  • ชาไต้หวัน ราคา 183 บาท/600 กรัม ชงได้ 15 ลิตร ใช้ 200 ซีซี/แก้ว = 2.47 บาท
  • ครีมเทียม 70 บาท/กิโลกรัม ใช้ 25 กรัม/แก้ว = 75 บาท
  • น้ำตาลทราย 23 บาท/กิโลกรัม ต้มน้ำเชื่อมได้ 1,100 ซีซี ใช้ 45 ซีซี/แก้ว = 0.94 บาท
  • ไข่มุก 45 บาท/กิโลกรัม ใช้ 20 กรัม/แก้ว = 0.9 บาท
  • แก้ว+ฝา ชุดละ 3 บาท
  • หลอด 40 บาท/แพค (250 อันต่อแพค) = 0.16 บาท
  • ฟิล์มปิดปากแก้ว 500 บาท/ 2,000 ดวง = 25 บาท
  • น้ำแข็ง 55 บาท/กระสอบ 1 กระสอบ ใช้ได้ 40 แก้ว (คำนวณเผื่อละลาย) = 1.4 บาท

รวมต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด 10.87 บาท ต้นทุนดังกลาวยังไม่รวมต้นทุนคงที่และต้นทุนแปรผันอื่นๆ เช่น ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าแรง ค่าการตลาด เป็นต้น การคำนวณต้นทุนนอกจากจะทำให้รู้ว่าต้องขายให้ได้เท่าไหร่ต่อเดือนจึงจะไม่ขาดทุนแล้ว สามารถเห็นภาพรวมธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ ทำให้ง่ายต่อการวางแผนการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อไป
(ของคุณสูตรคำนวณต้นทุนจาก taokaemai)

เคล็ดไม่ลับเปิดร้านชานมไข่มุกอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

1.สร้างความโดดเด่นให้เป็นเอกลักษณ์

ข้อนี้สามารถใช้ได้กับทุกประเภทสินค้าหรือบริการ การสร้างความโดดเด่นให้ผู้บริโภคจดจำจะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ โดยการสร้างความโดดเด่นของร้านชานมไข่มุกก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งร้าน หรือเสิร์ฟในรูปแบบของบุฟเฟ่ หรืออาจจะเน้นไปที่เรื่องของความพรีเมี่ยมก็ได้เช่นกัน

2.กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

อย่างที่บอกไปข้างต้นกลุ่มเป้าหมายถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่ม Mass ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายราคาสบายกระเป๋า ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 19 - 40 บาท
  2. กลุ่ม Medium ลูกค้าที่พอจะมีกำลังซื้อ สามารถเลือกเมนูที่มีความหลากหลายแต่งต่างออกไป ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 40 - 70 บาท
  3. กลุ่ม Premium ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ลูกค้ามองหาความพรีเมี่ยมเน้นคุณภาพ ราคาโดยเฉลียอยู่ที่ 70 - 200 บาท

3.ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะจับตลาดกลุ่มไหน ก็ควรเลือกทำเลที่ตั้งของร้านให้ตรงกับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อเข้าถึงได้ง่าย ออกแบบหน้าร้านที่สะดุดตาเห็นได้ชัด เป็นจุดเช็กอินสวย ๆ อาทิเช่น หากต้องการลูกค้าในกลุ่ม Mass ก็ควรจะมีหน้าร้านในย่านชุมชน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า กลุ่ม Medium อาจจะมีหน้าร้านใกล้กับสำนักงานหรือสถาบันอุดมศึกษา ส่วนกลุ่ม Premium น่าจะมีหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในตัวเมืองหรือตัวจังหวัด

4.ศึกษาตลาด ศึกษาคู่แข่ง พัฒนาอยู่เสมอ

โดยหลักแล้วในตลาดของธุรกิจชานมไข่มุกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ผู้ประกอบการที่สร้างแบรนด์เอง และผู้ประกอบการที่ซื้อแฟรนไชส์ ลองศึกษาทั้ง 2 กลุ่มนี้ว่ามีแนวทางการทำการตลาดอย่างไร รวมถึงดูกระแสหรือเทรนการพัฒนาสินค้าแล้วนำมาปรับปรุงให้ดีมากกว่าหรือสามารถแข่งขันกันได้

ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นถือเป็นแนวทางการเปิดธุรกิจ “ร้านชานมไข่มุก” สำหรับผู้ที่อยากจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยสรุปแล้วใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท ก็สามารถเปิดกิจการได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้ใส่ใจในเรื่องของ รสชาติ คุณภาพ ราคา และความโดดเด่น เพื่อที่สามารถแข็งขันในตลาดได้