T.C.M. PAPERBOX บริษัทผู้ผลิตกระดาษและกล่องกระดาษลูกฟูก ก่อตั้งกิจการเมื่อปี 2528 เติบโตจากห้องแถวเล็กๆ จนปัจจุบันขยายเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการผลิตครั้งละมากๆ และทำงานตลอด 24 ชั่วโมงรวมถึงมีเครื่องจักรระบบดิจิตอลที่สามารถรับงานตามออเดอร์จำนวนน้อยๆซึ่งตรงกับความต้องการของธุรกิจ SME ทุกรูปแบบ ด้วยกำลังการผลิตถึงปีละมากกว่า 1 ล้านกล่อง   ธนาพร กอเจริญเกียรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท เล่าว่า ตลอด 30 ปีที่ดำเนินธุรกิจ เธอยึดหลักการบริการแบบ One Stop Service และต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร นับตั้งแต่ลูกค้าเดินเข้ามาติดต่อ บริษัทจะมีทีมงานคอยให้คำปรึกษา ตั้งแต่ความรู้ด้านการเลือกชนิดกระดาษ คุณสมบัติของกระดาษลูกฟูกแต่ละชนิด ประกอบไปด้วย 5 ลักษณะคือ กระดาษลูกฟูกลอน A เหมาะกับสินค้าที่ต้องการรับน้ำหนักได้มาก หรือมีการเรียงซ้อนกล่องกันหลายๆ ชั้น กระดาษลูกฟูกลอน B เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องทนต่อแรงกดดันสูง เช่น กระป๋องโลหะ เป็นต้น กระดาษลูกฟูกลอน C เหมาะกับสินค้าที่ทนแรงกระแทกปานกลาง เช่น สินค้าอุปโภคขวด หรือภาชนะพลาสติก กระดาษลูกฟูกลอน E เหมาะกับสินค้าขนาดเล็กและกล่องที่ผ่านการพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท และกระดาษลูกฟูกลอน BCเหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมากและใช้สำหรับสินค้าส่งออก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดของการเลือกชนิดกระดาษ ซึ่งต้องแบ่งตามคุณสมบัติและลักษณะงานที่นำไปใช้ เช่น กระดาษ KS-White Top Liner Board สำหรับทำผิวกล่อง มีสีขาว เนื้อเรียบและสะอาด เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความสวยงามและต้องการสีสันจากการพิมพ์ลาย (ออฟเซ็ท) กระดาษ KA-Confidenzเน้นความทนทานเป็นหลักและลดปัญหาเรื่องการสั่นสะเทือนจากการขนย้าย ฯลฯ และมีบริการประกบลามิเนตพร้อมปั๊ม ตัดชิ้นงานได้ตามต้องการ “หลักคิดที่เข้าใจง่ายๆ ถ้าคุณจะเลือกกระดาษ กระดาษสีขาวจะมีราคาที่สูงกว่ากระดาษสีน้ำตาลและจะสูงขึ้นเมื่อเป็นประเภทกระดาษรีไซเคิลที่ลดมลภาวะให้กับโลก และกระดาษจะมีมูลค่าการผลิตที่สูงขึ้นไปอีกเมื่อนำไปพิมพ์ลาย หรือหากสนใจสั่งซื้อกระดาษเพื่อนำไปห่อสินค้าเองก็ได้ เพราะบริษัทต้องการตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่ม” ธนาพรอธิบายถึงหลักการคิดที่ SME ควรรู้ในการเลือกใช้กระดาษ เมื่อเลือกชนิดกระดาษและออกแบบให้เหมาะสมกับสินค้าแล้ว การสั่งผลิตจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การสั่งผลิตสินค้าแบบ Make-to-Order และแบบ Make-to-Stock ธนาพรอธิบายว่าการสั่งผลิตสินค้าแบบ Make-to-Order คือการผลิตที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า เลือกวัตถุดิบและดีไซน์งานได้ตามต้องการโดยไม่กำหนดปริมาณขั้นต่ำในการสั่งผลิต จะสั่งเพียง 1 ใบ หรือเริ่มต้นที่ 500 ใบ 1,000 ใบก็ได้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าบริษัท เช่น โตชิบาไทยแลนด์, ฮิตาชิ, เชอร์วู้ด เคมิคอล เป็นต้น ส่วนแบบที่สอง คือการสั่งผลิตสินค้าแบบ Make-to-Stock เป็นการผลิตเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลังที่บริษัทจะทำสินค้าไว้ในปริมาณมากๆ มีการขึ้นรูปสินค้าไว้แล้ว เช่น กล่องเก็บเอกสาร และกล่องไปรษณีย์ในขนาดต่างๆ เป็นต้น เมื่อมีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาก็จะทำการจัดส่งสินค้าไปให้ตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง โดยไม่กำหนดขั้นต่ำ มีตั้งแต่ราคาใบละ 3-5 บาท ไปจนถึงใบละ 300-400 บาท เช่น กล่องใส่จักรยาน ซึ่งกล่องของ T.C.M. PAPERBOX จะมีราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่าราคาจำหน่ายจริงในท้องตลาดมากกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบัน T.C.M. PAPERBOX ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 46 มีพื้นที่รวมกัน 6 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 โรงงาน โรงงานแรกไว้สำหรับผลิตกระดาษลูกฟูก และอีกโรงงานไว้สำหรับผลิตกล่องลูกฟูก โรงงานได้รับมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 รวมถึงขยายและมีกำลังผลิตมากกว่า 4,500 ตันต่อปี ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษลูกฟูกของธนาพรไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เธอรับทำทั้งกล่องบ้านแมว กล่องบ้านไก่ เก้าอี้ โซฟา เพื่อรองรับการใช้กล่องลูกฟูกในตลาดอื่นๆ ซึ่งนับเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือที่ประณีตขึ้น “ขอเพียงให้กำหนดโจทย์มา เราทำได้หมด” ธนาพรกล่าวทิ้งท้าย ชื่อธุรกิจ บริษัท T.C.M. PAPERBOX จำกัด ประเภทธุรกิจรับผลิตและออกแบบกล่องลูกฟูก ที่อยู่ 510/22 ซ.หมู่บ้านมิตรภาพ (อ่อนนุช 46) ถ.สุขุมวิท 77 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10260 ติดต่อ 0-2172-7101-5, 0-2320-3132-3