ธุรกิจร้านค้าราคาเดียวทำกำไรอยู่ที่ประมาณ 25-30% แต่ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายหวังผลตอบแทนที่มากกว่า เน้นค้ากำไรเกินควร และเลือกที่จะทำธุรกิจแบบตีหัวเข้าบ้านซื้อสินค้าต้นทุนต่ำมาขาย โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของสินค้า ผลที่ตามมาคือ ถึงแม้จะขายดีในช่วงแรก แต่ยอดขายก็จะค่อยๆ ซาลงและตายไปในที่สุด เนื่องจากลูกสมัยนี้ก็ตาถึงไม่แพ้กัน โดยมักจะเลือกซื้อเฉพาะแต่สินค้าคุณภาพดี ต้นทุนสูง
ดังนั้น สิ่งที่สามารถชนะใจลูกค้าได้เสมอมาคือ “คุณภาพ”ของสินค้า สินค้าบางตัวอาจขายถูกเพียงชิ้นละ 10 บาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพสินค้าจะต่ำต้อยด้วยค่า ทว่าเป็นสินค้าที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ครั้งเดียวแล้วพัง การเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงคุณภาพสินค้า เน้นการ “ให้” ลูกค้ามากกว่ากำไรที่จะได้รับ จึงถือเป็นหัวใจของความมั่งคั่งในธุรกิจนี้ แม้จะได้กำไรน้อยลง แต่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อคราวละเป้นจำนวนมาก ทำให้สินค้าขายหมดไว และมีการหมุนเวียนเปลี่ยนสินค้าเข้ามาใหม่อยู่ตลอดเวลา
เมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจในคุณภาพการเลือกซื้อสินค้าของเจ้าของร้าน นอกจากจะกลับมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องแล้ว ลูกค้ากลุ่มนี้ยังจะเป็นกระบอกเสียงชั้นดีให้กับทางร้าน ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาร้านแต่อย่างใด
อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่คิดจะประกอบอาชีพนี้คือ ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า และคงคอนเซ็ปต์ความเป็น “ร้านค้าราคาเดียว” ไว้อย่างเหนียวแน่น หากขึ้นป้ายว่าทุกอย่าง 20 บาท ไม่ว่าหยิบสินค้าชิ้นใดก็ต้อง 20 บาททุกชิ้น แต่ทุกวันนี้ลูกค้ามักมองว่าร้านค้าประเภทนี้จะต้องมีสินค้าขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จึงมักมาถามหาสินค้าที่ตลาดสินค้า 20 บาทไม่สามารถรองรับได้ หากผู้ประกอบการไม่มีจุดยืนที่แข็งแรง ขึ้นป้ายขายทุกอย่าง 20 บาท แต่ภายในร้านมีสินค้าราคาอื่นขายร่วมด้วย อาจทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึกได้ กรณีเลือกสินค้าแล้ว ราคาขายไม่เป็นไปตามที่ป้ายบอก ทำให้ลูกค้าไม่กลับมาซื้อสินค้าจากร้านอีก เท่ากับผู้ประกอบการได้สูญเสียลูกค้าและรายได้ไปแล้วอย่างน่าเสียดาย
เมื่อตัดสินใจขายสินค้าราคาเดียวแล้ว ก็ควรจะเดินหน้าไปบนเส้นทางที่ตนเลือกอย่างชัดเจน เพื่อการค้าที่ยั่งยืนในระยะยาว